วิธีคำนวณ ROI ของระบบจองห้องประชุม สำหรับคนทำงานองค์กร

วิธีคำนวณ ROI ของระบบจองห้องประชุม สำหรับคนทำงานองค์กร

ในหลายองค์กร การจองห้องประชุมดูเหมือนเป็นเรื่องเล็ก แต่ผลกระทบกลับ “ใหญ่กว่าที่คิด” ตั้งแต่เวลาประชุมที่เริ่มช้า การจองซ้ำซ้อน พื้นที่ไม่ได้ถูกใช้งานจริง ไปจนถึงความสิ้นเปลืองเวลาและต้นทุนพนักงาน หากองค์กรกำลังคิดจะอัปเกรดสู่ระบบจองห้องประชุมล้ำสมัย การรู้ว่า “ROI คืออะไร และวัดอย่างไร” คือขั้นตอนสำคัญที่สุดก่อนตัดสินใจลงทุน

จากรายงานของ Gartner Workspace Analytics 2024 พบว่าองค์กรที่ใช้ระบบจองห้องประชุม สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พื้นที่ได้เฉลี่ย 25–40% และลดเวลาสูญเสียก่อนเริ่มประชุมกว่า 15 นาทีต่อครั้ง นั่นหมายความว่า ระบบจองห้องประชุมไม่ได้เป็นแค่ระบบ IT แต่คือเครื่องมือเพิ่มผลตอบแทนกลับสู่องค์กรโดยตรง

ROI คืออะไร?

ROI (Return on Investment) คือ ตัวชี้วัดผลตอบแทนที่องค์กรได้รับจากการลงทุน เปรียบเทียบต้นทุนที่ใช้ไปกับผลลัพธ์ที่ได้รับกลับมา เช่น เวลา ประสิทธิภาพ ความพึงพอใจ และต้นทุนแฝงที่ลดลง

สูตรพื้นฐานของ ROI คือ:
ROI = (ผลประโยชน์ที่ได้ – ต้นทุนการลงทุน) ÷ ต้นทุนการลงทุน × 100
เมื่อนำมาใช้กับ ระบบจองห้องประชุม ผลประโยชน์ที่วัดได้ชัดเจน ได้แก่

  • ลดเวลาเสียไปกับการเริ่มประชุม
  • ลดปัญหาจองซ้ำซ้อน
  • เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พื้นที่
  • ลดค่าใช้จ่ายในการสร้างห้องประชุมเพิ่ม
  • ลดภาระงาน IT Support
  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน

5 ค่าใช้จ่ายที่ “ซ่อนอยู่” หากยังไม่มีระบบจองห้องประชุม

องค์กรจำนวนมากไม่เคยคำนวณต้นทุนที่เสียไปจากระบบจองแบบเดิม เช่น Excel, Line, หรือ Calendar มือเปล่า ซึ่งโดยเฉลี่ยพื้นที่ประชุมมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า 2,000–5,000 บาทต่อตารางเมตร/ปี

1. เวลาที่ประชุมเริ่มล่าช้า (Meeting Delay Cost)
ข้อมูลจาก Microsoft Work Trend Index 2023 ระบุว่า ประชุมโดยเฉลี่ยเริ่มช้ากว่าเวลาจริง 7–12 นาที
ถ้าพนักงาน 6 คน × 10 นาที × 300 บาท/ชั่วโมง
องค์กรเสียไป ≈ 300–600 บาทต่อการประชุมหนึ่งครั้ง

2. การจองซ้ำซ้อน (Double Booking)
ทำให้ห้องไม่ถูกใช้งาน หรือประชุมต้องย้าย ทำให้เสียเวลาเฉลี่ย 10–15 นาที

3. พื้นที่ถูกใช้ไม่เต็มประสิทธิภาพ (Underutilized Rooms)
ห้อง 10 คน แต่ใช้จริง 2 คน เกิดขึ้นในองค์กรไทยมากกว่า 40%

4. การสลับห้องหรือเดินหาห้องว่าง
เฉลี่ยเสียเวลา 5 นาที ต่อพนักงานต่อครั้ง

5. งาน Support เพิ่มของแผนก IT
เพราะไม่มีระบบ Analytics ตรวจสอบการใช้งาน

วิธีคำนวณ ROI ของระบบจองห้องประชุม

1) คำนวณเวลาที่เสียไปก่อนมีระบบ (Time Loss Cost)
ยกตัวอย่างองค์กรขนาด 300 คน

  • ประชุมเฉลี่ย 3 ครั้ง/สัปดาห์
  • เริ่มช้า 10 นาที
  • ค่าเฉลี่ยชั่วโมงพนักงาน 350 บาท

เวลาสูญเสียรายเดือน = 3 × 4 × 10 นาที = 120 นาที / คน
→ รวมทั้งองค์กร = 300 คน × 120 นาที = 36,000 นาที (600 ชม.)

ต้นทุนเวลาเสียรายเดือน
= 600 ชม. × 350 บาท = 210,000 บาท / เดือน

2) คำนวณประโยชน์หลังมีระบบจอง (Efficiency Gain)
ระบบจองช่วยลดเวลาสูญเสียได้เฉลี่ย 40–60%
หากประหยัดได้ 50%
= 105,000 บาท / เดือน
= 1,260,000 บาท / ปี

3) คำนวณ ROI
หากองค์กรลงทุนระบบจองห้องประชุมปีละ 300,000 บาท
*ROI = (1,260,000 – 300,000) ÷ 300,000 × 100
= 320%**
หมายความว่า ทุก 1 บาทที่ลงทุน ได้ผลตอบแทนกลับมา 3.2 บาท

ตัวอย่างลูกค้าองค์กรของ Exzy

KPMG Thailand บริษัทในเครือข่ายระดับโลกของ KPMG International ที่ให้บริการด้านการ สอบบัญชี, ภาษี, กฎหมาย และที่ปรึกษาธุรกิจ แก่ลูกค้าหลากหลายอุตสาหกรรมในประเทศไทย

พร้อมกับได้ใช้ Solution ระบบจองห้องประชุม Meet in Touch 35 ห้อง และระบบจองโต๊ะทำงานส่วนกลาง 101 ที่นั่ง
Objective :
ปรับโครงสร้างพื้นที่สำนักงานจาก 4 ชั้น เหลือ 3 ชั้น ด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยให้การจองห้องประชุมและโต๊ะทำงานเป็นระบบอัจฉริยะ
Challence :
ต้องการโซลูชันที่สามารถติดตั้งได้รวดเร็วและรองรับออฟฟิศหลังช่วง COVID-19 และ HYBRID OFFICE

Results :

  • ลดพื้นที่สำนักงานลง 24% (12,500 สู่ 9,500 ตร.ม.)
  • ประหยัดค่าเช่าพื้นที่ได้กว่า 34 ล้านบาทต่อปี
  • เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พื้นที่ รองรับการเติบโตของพนักงานได้เพิ่มขึ้น 32% ภายใน 5 ปี
  • ลดพื้นที่เฉลี่ยต่อพนักงานจาก 10.05 ตร.บ. เหลือเพียง 5.93 ตร.ม.

ทำไมระบบจองห้องประชุมถึงให้ ROI สูงกว่าที่คิด?

1) เป็นระบบที่กระทบ “ทุกคน” ในองค์กร
ตั้งแต่พนักงาน ผู้จัดการ ไปจนถึง C-levels

2) ปรับพื้นที่ให้ใช้คุ้มค่ากว่าเดิม
ข้อมูล Real-time ทำให้รู้ว่าองค์กรต้อง “ขยายออฟฟิศจริงไหม” หรือแค่จัดโซนใหม่

3) ลดค่าใช้จ่ายในการเพิ่มห้องประชุมใหม่
อ้างอิงจาก JLL 2023

ค่าเฉลี่ยการสร้างห้องประชุมใหม่ 1 ห้อง = 120,000–350,000 บาท
ระบบจองช่วยลดความจำเป็นลงได้ 20–30%

4) เพิ่มประสิทธิภาพ Hybrid Work
จองผ่านมือถือได้ จองจากบ้านได้ เชื่อม Calendar ได้

5) ลด Human Error เกือบ 100%
ไม่มีเคสห้องโดนแย่ง จองซ้ำซ้อนหายไป ห้องประชุมถูกใช้คุ้มค่ามากขึ้น

Checklist องค์กรของคุณพร้อมคำนวณ ROI หรือยัง?

✔ มีปัญหาห้องประชุมเต็ม แต่ใช้งานจริงไม่ถึง 60%
✔ มีประชุมเริ่มช้าเกิน 10 นาทีเป็นประจำ
✔ ใช้ Excel / Line / Chat มาจองห้อง
✔ พนักงานเดินหาห้องว่างทุกวัน
✔ IT Support ต้องคอยแก้ปัญหาจองซ้ำ

ถ้าตอบ “ใช่” มากกว่า 2 ข้อ ควรเริ่มทำ ROI Analysis ทันที

ทำไมต้องเลือก Exzy เพื่อทำระบบจองห้องประชุม?

เพราะ Exzy เป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Smart Office และ Smart Meeting Room โดยเฉพาะ
เรามีความเชี่ยวชาญในด้าน:

✔ Consulting ออกแบบระบบให้เหมาะกับการใช้งานจริง
✔ Integration กับ Microsoft / Google / SSO
✔ Meeting Room Display
✔ Room Analytics & Workplace Dashboard
✔ ระบบจองห้อง + Pro AV + Conference ครบวงจร
✔ Installation + Onboarding + Support

สรุป

การคำนวณ ROI ของระบบจองห้องประชุมไม่ใช่เรื่องซับซ้อน แต่เป็นสิ่งที่ “จำเป็นมาก” หากองค์กรต้องการบริหารพื้นที่สำนักงานอย่างคุ้มค่า เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และลดต้นทุนที่มองไม่เห็น ระบบจองห้องประชุมจึงเป็นหนึ่งใน Smart Office Solutions ที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดทั้งในแง่ Productivity, Space Optimization และ Employee Experience

หากองค์กรต้องการคำปรึกษา ออกแบบ Exzy เราพร้อมช่วยออกแบบระบบที่เหมาะกับองค์กรของคุณโดยเฉพาะ

หากองค์กรของคุณกำลังสนใจระบบจองห้องประชุม ติดต่อได้ที่

Add Line: @exzysmartoffice (มี@ นำหน้า) หรือ คลิก https://lin.ee/L6t8rJ2
โทร. 095-919-1963 หรือ อีเมล: contact@exzy.me

Related Posts