3 เหตุผลที่องค์กรกำลังเปลี่ยนจากการสร้างห้องประชุม มาใช้ “ห้องเก็บเสียงสำเร็จรูป”

3 เหตุผลที่องค์กรกำลังเปลี่ยนจากการสร้างห้องประชุม มาใช้ “ห้องเก็บเสียงสำเร็จรูป”

องค์กรทั่วโลกเริ่มปรับภาพของ “สำนักงาน” ใหม่ทั้งหมด จากเดิมที่เป็นพื้นที่สำหรับมานั่งทำงานหน้าโต๊ะตลอด 8 ชั่วโมง กลายเป็นสถานที่ของ Collaboration, Video Conference, Focus Work และ Creative Discussion แทน
พนักงานในองค์กรใช้เวลาประชุม และสื่อสารออนไลน์สูงขึ้นกว่า 55% หลังยุค Hybrid Work ส่งผลให้ห้องประชุมแบบดั้งเดิมเริ่มไม่เพียงพอ หรือบางองค์กรกลับใช้ไม่คุ้ม เพราะพื้นที่ใหญ่เกินความจำเป็นสำหรับประชุมออนไลน์เพียง 1–2 คน และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ ห้องประชุมแบบก่อสร้างถาวร เริ่มถูกตั้งคำถามพร้อม ๆ กันกับการเติบโตของ ห้องเก็บเสียงสำเร็จรูป (Office Booth / Meeting Pod) ที่ติดตั้งง่าย เคลื่อนย้ายได้และใช้งานได้คุ้มค่ากว่าในระยะยาว

3 เหตุผลที่องค์กรกำลังเปลี่ยนจากการสร้างห้องประชุม มาใช้ห้องเก็บเสียงสำเร็จรูป

1) ใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า ปรับการใช้งานได้ตาม Workstyle ใหม่

เมื่อปัญหาเดิมของห้องประชุมแบบก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็น ใช้พื้นที่เยอะเกินความจำเป็น, จองห้องประชุมใช้แค่ 1–2 คน หรืออาจกลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่าเมื่อไม่ถูกใช้งาน และยังเปลี่ยนรูปแบบการใช้พื้นที่ไม่ได้

พื้นที่สำนักงานในปัจจุบันเลยถูกออกแบบให้ Dynamic มากขึ้น ไม่มีใครอยากมีห้องประชุมที่ถูกใช้แค่บางเวลา หรือถูกจองเพื่อประชุมออนไลน์คนเดียว ทำให้ห้องเก็บเสียงสำเร็จรูปเป็นที่ต้องการมากขึ้น เพราะสามารถวางได้แทบทุกจุดในออฟฟิศ ไม่ว่าจะเป็นโซน Co-working, บริเวณ Walkway หรือ Corner Space และปรับจำนวนได้ตามจำนวนพนักงานที่ใช้งานจริง เช่น

  • Booth ใช้โทร หรือ One-on-one Call
  • Booth สำหรับประชุมออนไลน์ 2–4 คน
  • Focus Pod สำหรับ Deep Work ไม่ถูกรบกวน

สามารถวางในพื้นที่สุดเล็กได้ และยังรองรับ Workflow ที่หลากหลาย จัดสรรพื้นที่ของการประชุมได้โดยไม่ต้องทุบผนังหรือ Renovate ออฟฟิศ เมื่อพื้นที่ใช้ได้จริงมากขึ้น Productivity ขององค์กรย่อมเพิ่มขึ้นแบบตรงไปตรงมา

2) ประหยัดค่าเช่าพื้นที่สำนักงาน & ต้นทุนการก่อสร้าง

ถ้าองค์กรต้องก่อสร้างห้องประชุมแบบถาวร ต้องมีค่าใช้จ่ายที่ตามมาเสมอ ไม่ว่าจะเป็น

  • ค่าก่อสร้าง ตกแต่ง และออกแบบภายใน
  • ค่าเดินระบบไฟ/ระบบปรับอากาศ
  • ค่าวัสดุ Acoustic Treatmentเก็บเสียง
  • ค่า Maintenance เมื่อต้องปรับ Layout ใหม่

ในขณะที่ ห้องเก็บเสียงสำเร็จรูป ไม่ต้องก่อสร้าง ไม่ต้องปิดทำการระหว่างติดตั้ง และสามารถเคลื่อนย้ายได้เมื่อย้ายออฟฟิศ ทำให้องค์กร ลด Budget ได้ทั้ง CapEx และ OpEx โดยเฉพาะบริษัทที่อยู่บนพื้นที่สำนักงานราคาสูง Phone Booth จึงคุ้มค่ากว่าชัดเจน 

3) ติดตั้งรวดเร็ว พร้อมใช้งานภายในวันเดียว

การสร้างห้องประชุมใช้เวลาตั้งแต่ 2–8 สัปดาห์ หรือมากกว่านั้นถ้ามีระบบ AV และงานจัดการเสียง แต่ห้องเก็บเสียงสำเร็จรูปสามารถติดตั้งแล้วใช้งานได้ทันที ไม่มีฝุ่น ไม่รบกวนพื้นที่ทำงานอื่น และไม่ต้องรอผู้รับเหมาเป็นเดือน อีกทั้งยังทดสอบการใช้งานได้เลย ทั้งระบบไฟ ระบายอากาศ Acoustic รวมถึงอุปกรณ์ประชุมออนไลน์ เหมาะกับองค์กร

  • Startup ขยายทีมเร็ว ต้องเพิ่มห้องประชุมภายในสัปดาห์
  • Corporate ต้องรองรับ Hybrid/Remote Meeting ทันที
  • Co-Working Space ต้องเพิ่มจำนวน Private Call Pod
  • บริษัทที่ย้ายออฟฟิศบ่อย

ในวันที่ Hybrid Work ทำให้รูปแบบการประชุมยืดหยุ่นมากขึ้น สิ่งที่ตอบโจทย์ธุรกิจคือ ความเร็วในการปรับตัว และ Booth แบบสำเร็จรูปคือคำตอบนั้น

ห้องเก็บเสียงสำเร็จรูปกับ Hybrid Work — โครงสร้างพื้นฐานของออฟฟิศยุคใหม่

Hybrid Work ไม่ใช่แค่การ “เข้าออฟฟิศสลับบ้าน” แต่คือการทำให้ออฟฟิศรองรับรูปแบบการทำงานที่หลากหลายพร้อมกันในเวลาเดียว ไม่ว่าจะประชุมออนไลน์, การทำงานเดี่ยวที่ต้องโฟกัส หรืองานที่ต้องโทรหาลูกค้าบ่อยครั้ง ห้องเก็บเสียงสำเร็จรูป จึงกลายเป็น Infrastructure สำคัญของ Hybrid Workplace มากกว่าห้องประชุมแบบเดิม เพราะสามารถทำหน้าที่ได้มากกว่าแค่ประชุม

บทบาทของห้องเก็บเสียงสำเร็จรูปใน Hybrid Work

  • เป็นพื้นที่ Video Conference ที่ไม่รบกวนผู้อื่น
  • รองรับ Online Meeting พร้อมกันหลายทีม
  • ลดเสียงรบกวนใน Open Office
  • เหมาะสำหรับ Internal Meeting สั้น ๆ

องค์กรที่วาง Booth ในตำแหน่งกระจายทั่วออฟฟิศ มักพบว่าพนักงานไม่ต้องแย่งห้องประชุมใหญ่ และอัตราการจองห้องแบบไม่จำเป็นลดลงอย่างชัดเจน

ห้องเก็บเสียงสำเร็จรูปช่วยยกระดับ Employee Experience ได้อย่างไรบ้าง

หนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อ Retention และ Productivity มากที่สุดในยุคปัจจุบัน คือ คุณภาพของสภาพแวดล้อมการทำงาน (Workplace Experience) พนักงานจำนวนมากไม่ได้ต้องการออฟฟิศที่สวยที่สุด แต่ต้องการออฟฟิศที่ ทำงานได้จริง ไม่ถูกรบกวน และไม่เครียดจากเสียง

ผลกระทบเชิงบวกที่องค์กรเห็นได้ชัด

  • ลดความเครียดจากเสียงรบกวน (Noise Stress)
  • เพิ่มสมาธิในการประชุมและการทำงานเชิงลึก
  • ลดข้อร้องเรียนเรื่อง “ไม่มีที่เงียบให้โทร”
  • พนักงานรู้สึกว่าองค์กรใส่ใจการทำงานจริง

ในหลายองค์กร ห้องเก็บเสียงสำเร็จรูปถูกใช้งานมากกว่าห้องประชุมใหญ่ เพราะเข้าถึงง่าย ไม่ต้องจองล่วงหน้านาน และตอบโจทย์การใช้งานจริงของพนักงานมากกว่า

แนวทางเลือกห้องเก็บเสียงสำเร็จรูปให้เหมาะกับขนาดองค์กรและงบประมาณ

การเลือก ห้องเก็บเสียงสำเร็จรูป ไม่ควรดูแค่ดีไซน์หรือราคา แต่ควรพิจารณาจาก “รูปแบบการใช้งานจริง” ขององค์กรเป็นหลัก

Checklist ก่อนตัดสินใจ

1) จำนวนผู้ใช้งานต่อวัน

  • ถ้าใช้โทรออนไลน์เป็นหลัก → Booth 1 คน
  • ถ้าประชุมทีมย่อยบ่อย → Booth 2–4 คน

2) ระดับการเก็บเสียง (Sound Reduction Level)

  • โทรทั่วไป / Online Meeting
  • ประชุมสำคัญ / คุยข้อมูล Confidential

3) ระบบภายในที่ควรมี

  • ระบบระบายอากาศอัตโนมัติ
  • แสงไฟที่เหมาะกับ Video Call
  • ปลั๊กไฟ + USB / LAN
  • รองรับอุปกรณ์ประชุมออนไลน์

4) การลงทุนระยะยาว

  • ย้ายตำแหน่งได้หรือไม่
  • รองรับการขยายทีมในอนาคต
  • มี Service & Warranty หรือไม่

องค์กรที่เลือก Booth ได้ตรง Use Case จะเห็น ROI ชัดเจนกว่าการสร้างห้องประชุมแบบถาวรหลายเท่า

FAQs : คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ห้องเก็บเสียงสำเร็จรูป

Q1: ห้องเก็บเสียงสำเร็จรูป เก็บเสียงได้ดีแค่ไหน?

A: ห้องเก็บเสียงสำเร็จรูปสามารถลดเสียงรบกวนได้โดยเฉลี่ยประมาณ 25–35 dB (ขึ้นอยู่กับรุ่นและโครงสร้าง) ซึ่งเพียงพอสำหรับการโทรออนไลน์ การประชุมผ่านวิดีโอ และการทำงานที่ต้องใช้สมาธิ เสียงจากภายในจะไม่รบกวนพื้นที่รอบข้าง และเสียงภายนอกจะไม่แทรกเข้ามารบกวนการสนทนา

Q2: ห้องเก็บเสียงสำเร็จรูปต่างจากการก่อสร้างห้องประชุมอย่างไร?

A: ความแตกต่างหลักอยู่ที่ ความยืดหยุ่นและต้นทุนระยะยาว

  • ห้องประชุมก่อสร้าง: ใช้พื้นที่มาก ติดตั้งนาน เคลื่อนย้ายไม่ได้ ต้นทุนสูง
  • ห้องเก็บเสียงสำเร็จรูป: ติดตั้งเร็ว ย้ายตำแหน่งได้ ใช้พื้นที่น้อยกว่า และรองรับการปรับ Layout ออฟฟิศในอนาคต

จึงเหมาะกับองค์กรที่ต้องการใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่าและรองรับ Hybrid Work

Q3: ห้องเก็บเสียงสำเร็จรูป เหมาะกับองค์กรขนาดเล็กหรือไม่?

A: เหมาะอย่างยิ่ง โดยเฉพาะองค์กรที่มีพื้นที่จำกัดหรือค่าเช่าสำนักงานสูง
ห้องเก็บเสียงสำเร็จรูปช่วยให้องค์กรขนาดเล็กสามารถมีพื้นที่ประชุมหรือโทรออนไลน์ได้ โดยไม่ต้องลงทุนสร้างห้องถาวร และสามารถเพิ่มจำนวน Booth ได้เมื่อทีมขยายตัว

Q4: ใช้ห้องเก็บเสียงสำเร็จรูปทั้งวัน จะอึดอัดหรือไม่?

A: ห้องเก็บเสียงสำเร็จรูปที่ออกแบบตามมาตรฐานจะมี ระบบระบายอากาศอัตโนมัติ และแสงสว่างที่เหมาะกับการใช้งานต่อเนื่อง จึงสามารถใช้งานได้หลายชั่วโมงโดยไม่อึดอัด เหมาะทั้งการประชุมออนไลน์ การทำงานโฟกัส และการใช้งานซ้ำหลายรอบต่อวัน

Q5: ห้องเก็บเสียงสำเร็จรูปช่วยลดค่าใช้จ่ายของออฟฟิศได้อย่างไร?

A: ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้หลายด้าน เช่น

  • ลดการใช้พื้นที่เช่าขนาดใหญ่สำหรับห้องประชุม
  • ลดค่า Renovation และค่าก่อสร้าง
  • ลดค่าใช้จ่ายเมื่อต้องย้ายหรือปรับผังออฟฟิศ

ในระยะยาวองค์กรสามารถเห็น ROI ชัดเจนกว่าห้องประชุมแบบก่อสร้าง

สรุป

ในยุคที่รูปแบบการทำงานเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว องค์กรไม่สามารถออกแบบออฟฟิศโดยยึดติดกับห้องประชุมแบบเดิมได้อีกต่อไป ห้องเก็บเสียงสำเร็จรูป จึงกลายเป็นโซลูชันที่ตอบโจทย์ทั้งด้านการใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า การลดต้นทุนค่าเช่า และค่าก่อสร้าง รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานจริงของพนักงาน 

ด้วยความยืดหยุ่นในการติดตั้ง เคลื่อนย้ายได้ และรองรับทั้งการประชุมออนไลน์ การทำงานโฟกัส และ Hybrid Work องค์กรจึงสามารถเปลี่ยนทุกตารางเมตรในสำนักงานให้สร้าง Productivity ได้สูงสุด โดยไม่ต้องขยายพื้นที่หรือเพิ่มภาระงบประมาณในระยะยาว

ส่วนองค์กรไหนที่กำลังสนใจหรือมองหาห้องเก็บเสียงสำเร็จรูป Exzy เราเป็นผู้แทนการจัดจำหน่าย Winpod – Meeting Pod คุณภาพสูง ที่ได้รับมาตรฐาน ISO 9001:2015 ด้านคุณภาพการผลิต และ ISO 14001:2015 ด้านระบบบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับมาตรฐาน ANSI และ BIFMA ซึ่งใช้รับรองความปลอดภัยเชิงโครงสร้างของ Product ที่ใช้ในออฟฟิศระดับโลก สามารถให้ทดลองใช้งานจริงที่บริษัท Exzy เพื่อให้คุณทดสอบเสียง แสง พื้นที่ทำงานได้อย่างครบถ้วน

หากสนใจอยากติดตั้งห้องเก็บเสียงสำเร็จรูป สามารถติดต่อได้ที่

Add Line: @exzysmartoffice (มี@ นำหน้า) หรือ คลิก https://lin.ee/L6t8rJ2
โทร. 095-919-1963 หรือ อีเมล: contact@exzy.me

Related Posts