ESG 2026 เทรนด์สำคัญที่องค์กรต้องรู้ก่อนจะถูกลูกค้าตั้งคำถาม

ESG 2026 เทรนด์สำคัญที่องค์กรต้องรู้ก่อนจะถูกลูกค้าตั้งคำถาม

ในปี 2026 เป็นต้นไป องค์กรทั่วโลกจะเผชิญแรงกดดันมากขึ้นจากทั้งลูกค้า นักลงทุน และพันธมิตรทางธุรกิจ โดยเฉพาะบริษัทขนาดใหญ่ที่เริ่มกำหนดให้ซัพพลายเออร์ต้องส่งข้อมูลด้าน ESG เพื่อให้ผ่านเกณฑ์การร่วมงาน เช่น Carbon Data, Energy Usage, Diversity Metrics, Workplace Well-being รวมถึงมาตรฐานด้าน Technology Governance
ก่อนหน้านี้ “ESG” อาจเป็นคำที่หลายองค์กรรู้จัก แต่ยังไม่จำเป็นต้องลงมือทำจริงจัง แต่ในปี 2026 สถานการณ์จะเปลี่ยนไป ESG จะกลายเป็น “เงื่อนไขพื้นฐาน” ของการร่วมงาน และเป็นปัจจัยอันดับต้น ๆ ที่ลูกค้าใช้ตัดสินใจว่า จะซื้อหรือไม่ซื้อ จะร่วมงานหรือไม่ร่วมงาน
และหนึ่งในพื้นที่ที่มีผลต่อคะแนน ESG มากที่สุด คือ “พื้นที่ออฟฟิศและระบบการทำงานภายใน” เพราะออฟฟิศเป็นแหล่งใช้ทรัพยากรจำนวนมาก (พลังงาน / อุปกรณ์ / พื้นที่) และเป็นศูนย์กลางของ “คุณภาพชีวิตพนักงาน” ที่สะท้อนด้าน Social และ Governance ได้อย่างชัดเจน ดังนั้นบทความนี้จะพาคุณรู้จักว่า ESG คืออะไร พร้อม 5 เทรนด์ ESG 2026 ที่องค์กรต้องรู้ โดยเฉพาะด้าน Office & Workplace

ESG คือ อะไร? และทำไมภาคธุรกิจไทยต้องเริ่มจริงจังในปี 2026

E = Environment (สิ่งแวดล้อม)
เช่น การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การลด Carbon Footprint และการจัดการทรัพยากรในออฟฟิศอย่างยั่งยืน

S = Social (สังคมและบุคลากร)
เช่น สุขภาพ ความปลอดภัย ความเท่าเทียม การส่งเสริม Work-Life Balance และการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้พนักงาน (Employee Experience)

G = Governance (ธรรมาภิบาลและความโปร่งใส)
เช่น มาตรฐานความปลอดภัยด้านข้อมูล Cybersecurity การบริหารจัดการระบบไอที และนโยบายภายในองค์กร

ในปี 2026 หลายบริษัทต้องส่งรายงานความยั่งยืน (Sustainability Report) ตามมาตรฐานใหม่ เช่น

  • CSRD (EU Corporate Sustainability Reporting Directive)
  • GHG Protocol Scope 1–3
  • TCFD (Task Force on Climate-related Financial Disclosures)

ซึ่งทั้งหมดต้องใช้ “ข้อมูลจากออฟฟิศจริง” ไม่ใช่เพียงนโยบายบนกระดาษ

5 เทรนด์ ESG 2026 ที่เกี่ยวข้องกับออฟฟิศและ Workplace โดยตรง

1) Smart Office = จุดเริ่มต้นของ Net Zero Workplace
ปี 2026 บริษัทต้องแสดงตัวเลขการใช้พลังงานอย่างโปร่งใส เช่น การใช้ไฟในแต่ละโซน การใช้ห้องประชุม การเปิดแอร์เต็มพื้นที่ในเวลาที่ไม่มีคนใช้งาน
เทคโนโลยี Smart Office เช่น Sensor, Automation, และระบบจองพื้นที่จึงเป็นเครื่องมือสำคัญเพื่อลดพลังงานในทันที
Fact: รายงานของ IEA 2024 ระบุว่าการใช้ระบบ Smart Building สามารถลดพลังงานได้ 20–30% ต่อปี

2) Workplace Data จะกลายเป็นหลักฐานสำคัญในรายงาน ESG
ปี 2026 องค์กรต้องมีข้อมูลจริง เช่น

  • อัตราการใช้พื้นที่ (Occupancy Rate)
  • อัตราใช้ห้องประชุม
  • เวลาที่เปิดไฟ/เปิดแอร์จริง
  • ความถี่การใช้อุปกรณ์สำนักงาน

ระบบอย่าง Workplace Analytics และ Meeting Room Analytics จึงจำเป็นเพื่อสร้าง “Evidence-based ESG”

3) Hybrid Work = มาตรฐานใหม่ของ Social (S) และ Well-being
ปี 2026 องค์กรจะถูกประเมินด้าน Employee Well-being มากขึ้น เช่น

  • ความยืดหยุ่นการทำงาน
  • ความพึงพอใจต่อออฟฟิศ
  • พื้นที่รองรับ Collaboration
  • ระบบช่วยลด Burnout

เทคโนโลยีที่สำคัญ ได้แก่

  • ระบบจองโต๊ะทำงาน Hot Desk
  • ระบบจองห้องประชุม
  • Smart Locker
  • Meeting Room Booking
  • Pro AV & Video Conference

ทั้งหมดนี้ช่วยสร้าง “ประสบการณ์ที่ดี” ซึ่งเป็นหัวใจของ ESG ด้าน Social

4) Governance: ความปลอดภัยต้องวัดผลได้ ไม่ใช่แค่มีระบบ
ปี 2026 มาตรฐาน Cybersecurity เข้มขึ้น โดยเฉพาะข้อมูลบุคลากร
Smart Office ต้องรองรับ:

  • SSO / Azure AD
  • Multi-Factor Authentication
  • Data Encryption
  • Audit Trail
  • Visitor Management ที่ตรวจสอบเส้นทางเข้า–ออกได้

ซึ่งเป็นการยกระดับ ESG ด้าน Governance แบบรูปธรรม

5) Multi-purpose Space ช่วยลดต้นทุน CAPEX และ Carbon Footprint
องค์กรไม่จำเป็นต้องสร้างห้องประชุมเพิ่ม แต่ใช้เทคโนโลยีช่วย “ขยายความจุของออฟฟิศเดิม” เช่น

  • Wireless Presentation
  • AI Video Conference
  • Modular AV System
  • Sensor นับจำนวนคน

ผลลัพธ์: ลดการใช้พื้นที่โดยไม่ต้องขยายออฟฟิศใหม่ → ลดการใช้วัสดุ → ลดคาร์บอนฟุตพรินต์ตามหลัก E (Environment)

ทำไม ESG คือฐานรากที่ช่วยพาองค์กรไปถึง WELL / LEED / Fitwel

การผ่านมาตรฐานอาคารระดับสากล เช่น WELL, LEED และ Fitwel ไม่ใช่เพียงการตกแต่งออฟฟิศให้สวย ทันสมัย หรือเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ต้องมี ระบบวัดผล (Measurement), หลักฐานเชิงตัวเลข (Evidence) และ การดำเนินการที่พิสูจน์ได้จริง (Proof of Action) ซึ่งทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ ESG พยายามผลักดันให้องค์กรมี

เมื่อองค์กรทำ Smart Office ถูกทิศทาง ไม่เพียงช่วยตอบโจทย์พลังงานและพนักงาน แต่ยังช่วยให้ผ่านมาตรฐานอาคารระดับโลกได้ง่ายขึ้นในอนาคต

 1) LEED (Leadership in Energy and Environmental Design)
เน้น สิ่งแวดล้อม + พลังงาน + ประสิทธิภาพการใช้พื้นที่เชื่อมกับ ESG ด้าน E (Environment) โดยตรงตัวอย่าง Smart Office ที่ช่วยให้ผ่าน LEED ง่ายขึ้น

  • ระบบ Sensor ปิดไฟ/แอร์อัตโนมัติเมื่อไม่มีผู้ใช้งาน
  • Meeting Room Display ช่วยลดห้องประชุมว่างเปล่า
  • Workplace Analytics ช่วยลดการใช้พื้นที่ CAPEX โดยไม่ต้องขยายออฟฟิศ

ผลลัพธ์: ใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า ลด Carbon Footprint

2) WELL Building Standard
เน้น คุณภาพชีวิตและสุขภาพของคนทำงาน สัมพันธ์กับ ESG ด้าน S (Social) เทคโนโลยีสำนักงานที่สนับสนุน WELL

  • ระบบจองโต๊ะ/ห้องประชุม ช่วยบริหาร Density ของพื้นที่
  • Smart Locker ลดของกระจาย ลดความเครียดในการจัดการของส่วนตัว
  • ห้องประชุม Pro AV + AI Camera ลด Miscommunication และ Meeting Fatigue

ผลลัพธ์: พนักงานสุขภาพดีขึ้น Burnout ลดลง ทำงานมี Focus มากขึ้น

3) Fitwel Certification
เน้น พฤติกรรม สุขภาพการทำงาน และ Well-being ระยะยาว เป็นหลักฐานสำคัญของ ESG ว่าบริษัทดูแลพนักงานอย่างแท้จริง Smart Office ที่ช่วยตอบโจทย์ Fitwel

  • Hot Desk ให้พนักงานเลือกพื้นที่ที่เหมาะกับ Task ได้
  • Q&A / Knowledge Hub ผ่าน Smart Display ให้ข้อมูลสุขภาพในออฟฟิศ
  • Meeting Room Booking ช่วยลดความเครียดจาก “แย่งห้อง / แยกที่นั่งไม่ได้”

ผลลัพธ์: องค์กรดูแลคนมากกว่าแค่สวัสดิการ → ดูแลด้วยวิธีที่ วัดผลได้จริง

FAQs : ESG สำหรับ Workplace ถามบ่อยที่สุด

Q1: Hot Desk คืออะไร ต่างจาก Fixed Desk ยังไง?

A: Hot Desk คือระบบโต๊ะแชร์ที่ใช้หมุนเวียน ไม่มีโต๊ะประจำ ส่วน Fixed Desk คือโต๊ะเฉพาะของแต่ละพนักงาน

Q2: จะรู้ได้ยังไงว่ามีโต๊ะว่างก่อนเข้ามาออฟฟิศ?

A: ใช้ระบบจองโต๊ะกลาง เช่น Co Desk ของ Exzy ที่สามารถดูสถานะโต๊ะว่างและจองล่วงหน้าได้ผ่านมือถือ

Q3: พนักงานจะรู้สึกไม่เป็นส่วนตัวไหม?

A: ไม่ หากองค์กรออกแบบพื้นที่ให้มีโซนหลากหลาย เช่น Focus Zone, Collaboration Zone และให้พนักงานเลือกได้ตาม Mood การทำงานในแต่ละวัน

Checklist ออฟฟิศของคุณพร้อมสำหรับ ESG 2026 หรือไม่?

มีระบบวัดการใช้พื้นที่แบบ Real-time
มีระบบจองห้องประชุมและจอแสดงสถานะ
มี Access Control + Visitor Data ที่ตรวจสอบย้อนหลังได้
มี Sensor วัดพลังงานหรือ Occupancy
มี Dashboard สำหรับสรุปข้อมูลด้าน ESG

ถ้า “ไม่ครบ 3 ข้อ” ต้องเริ่มวางแผน ESG ทันที

ตัวอย่างบริษัทลูกค้าของ Exzy ที่ดำเนินงานตามแนวคิด ESG

  • บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC)
  • บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) (SCB)
  • บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCG)
  • บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP)
  • บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (WHA)

สรุป

ปี 2026 จะเป็นปีที่ลูกค้าและพันธมิตรธุรกิจถามหาข้อมูล ESG มากขึ้น และออฟฟิศคือพื้นที่สำคัญที่องค์กรต้องเริ่ม “ทำจริง” ไม่ว่าจะเป็น

  • การเก็บข้อมูลด้านพลังงาน
  • การออกแบบสถานที่ทำงานให้รองรับ Well-being
  • การใช้เทคโนโลยีลดการสูญเปล่า
  • การเพิ่มความปลอดภัยด้านข้อมูล

Exzy พร้อมช่วยองค์กรออกแบบ Smart Office ที่ตอบโจทย์ ESG 2026 ทั้งในมิติ Environment, Social และ Governance พร้อมบริการครบวงจรตั้งแต่ระบบจองห้องประชุม, Hot Desk, Smart Locker, Pro AV, Access Control ไปจนถึง Workplace Analytics ที่ช่วยองค์กรสรุปข้อมูล ESG ได้ง่ายขึ้น

หากองค์กรของคุณวางแพลนปรับเปลี่ยนพื้นที่ออฟฟิศใหม่ ติดต่อได้ที่

Add Line: @exzysmartoffice (มี@ นำหน้า) หรือ คลิก https://lin.ee/L6t8rJ2
โทร. 095-919-1963 หรือ อีเมล: contact@exzy.me

Related Posts