ผลสำรวจชี้ พนักงานในไทย “อยากกลับมาทำงานที่ออฟฟิศ” สูงกว่าค่าเฉลี่ย

ผลสำรวจชี้ พนักงานในไทย “อยากกลับมาทำงานที่ออฟฟิศ” สูงกว่าค่าเฉลี่ย

Highlight

                     หากย้อนไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากสถานการณ์โควิด-19 วิกฤตหนักที่มีผลกระทบในทุก ๆ ด้าน ทั้งการดำเนินชีวิตในประจำวัน หรือแม้แต่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจเอง หลาย ๆ บริษัทเลยเลือกที่จะให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) หรือการทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Work from Anywhere) แทนการเข้ามาออฟฟิศ 
ซึ่งจริง ๆ แล้วพนักงานในไทยส่วนใหญ่ “อยากกลับเข้ามาทำงานใน Office สูงเป็นอันดับ 1″ เมื่อเทียบกับ 6 ประเทศโซนเอเชีย

วันนี้ Exzy เราเลยรวบรวมสถิติล่าสุดโดย CISCO จากรายงาน “From Mandate to Magnet: The Race to Reimagine Workplaces and Workspaces for a Hybrid Future” ในช่วงเดือนพ.ย. 2566 ที่ผ่านมา 

โดยผลสำรวจนี้ อ้างอิงมาจากความคิดเห็นของพนักงานกว่า 9,200 คน และผู้บริหาร 1,650 คน ใน 7 ประเทศโซนเอเชีย-แปซิฟิก ไม่ว่าจะเป็น ไทย ออสเตรเลีย ฮ่องกง อินเดีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน และเกาหลีใต้

เราตามมาเจาะลึกอินไซต์กันต่อว่า…พนักงานในไทยมีความคาดหวังกับการทำงานแบบไหน? แล้วออฟฟิศยังจำเป็นอยู่ไหม? รวมถึงองค์กรจะรับมือกับเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างไรบ้าง?

1. สัดส่วนองค์กรมีนโยบายให้พนักงาน Return to Work

ซึ่งจากสถิติแล้ว แสดงให้เห็นว่า บริษัทในไทยเองต้องการที่จะให้พนักงานบางส่วนกลับเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศ โดยคิดเป็น 47% ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยจากทั้ง 7 ประเทศ ทั้งนี้ก็เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน รักษาการสื่อสารภายในทีม รวมถึงรักษาวัฒนธรรมในที่ทำงานด้วยเช่นเดียวกัน

2. ภาพรวมผลตอบรับจากพนักงานในเชิงบวกจากนโยบาย Return to Work

จากผลสำรวจพบว่า พนักงานส่วนใหญ่ในไทยยินดี และพร้อมที่จะกลับเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศสูงที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ

3. Turn Over Rate ของพนักงานจากนโยบาย Return to Work

ต่อให้มีพนักงานอยากกลับมาทำงานที่ออฟฟิศ แต่ก็ยังมีพนักงานบางส่วนที่ตัดสินใจลาออกเช่นเดียวกัน ซึ่งผลจากการสำรวจพบว่า พนักงานในไทยตัดสินใจลาออกเพียงแค่ 2% ซึ่งน้อยกว่าค่าเฉลี่ย แสดงให้เห็นว่าพนักงานในไทยตอบรับที่จะกลับเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศมากกว่านั่นเอง 

4. ปัจจัยในการขับเคลื่อนให้พนักงานอยากกลับมาทำงานที่ออฟฟิศ

จากผลการสำรวจข้างต้น สรุปได้ว่า มี 3 เหตุผลหลักที่ทำให้พนักงานในไทยอยากกลับมาทำงานที่ออฟฟิศมากขึ้น

  1. การทำงานร่วมกันเป็นทีม (82%)
  2. การระดมความคิดและคิดค้นไอเดียกับเพื่อนร่วมงาน (70%)
  3. การโต้ตอบรวมถึงการเข้าสังคมในที่ทำงาน (ุ69%)

5. รูปแบบการทำงานตามความชอบของพนักงาน

ทำให้ศึกษาต่อว่า รูปแบบในการทำงานไหนที่พนักงานต้องการมากที่สุด จากผลการสำรวจพบว่า พนักงานในไทยส่วนใหญ่เปิดรับการทำงานรูปแบบ Hybrid Working และชอบที่จะทำงานที่ออฟฟิศมากกว่าคิดเป็น 48% โดยให้ความเห็นว่าเป็นรูปแบบที่ Productive มากที่สุด 

แต่องค์กรเองก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนพื้นที่ให้สอดรับกับความต้องการ และความคาดหวังที่เปลี่ยนแปลงไปของพนักงานด้วยเช่นเดียวกัน

6. ความคิดเห็นเกี่ยวกับความพร้อมของเครื่องมือและเทคโนโลยีในองค์กร

จากสถิติข้างต้น ผู้ตอบแบบสอบถาม เชื่อว่าเครื่องมือและเทคโนโลยีต่าง ๆ ในออฟฟิศไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์กับการใช้งานอย่างลงตัว

โดยทั้งผู้บริหารและพนักงานในไทยมากกว่าครึ่ง ต่างก็มองว่าเทคโนโลยีต่าง ๆ ในออฟฟิศยังไม่พร้อมอำนวยความสะดวกให้กับการทำงานได้

รวมถึงได้ให้ความเห็นเป็นเสียงส่วนใหญ่เกี่ยวกับการใช้ห้องประชุม ที่ไม่ได้ช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานเท่าที่ควร ไม่ว่าจะเป็น การมีอุปกรณ์ Audio & Visual ที่ไม่เพียงพอและไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงไม่มีเทคโนโลยีที่รองรับการประชุมระยะไกล เพื่อตอบโจทย์การทำงานแบบ Hybrid Working

7. การวางแผนในการปรับเปลี่ยนพื้นที่ออฟฟิศขององค์กร

อย่างไรก็ตาม สัดส่วนขององค์กรในไทยที่ได้มีปรับเปลี่ยนพื้นที่สำนักงานเสร็จสมบูรณ์ และ สัดส่วนขององค์กรที่อยู่ในขั้นตอนการปรับเปลี่ยน มีอัตราส่วนที่ใกล้เคียงกันประมาน 36%

เห็นได้ว่าองค์กรในไทยให้ความสำคัญและพร้อมปรับเปลี่ยนพื้นที่ออฟฟิศ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ

ทั้งนี้ก็เพื่อความสะดวกและรองรับกับความต้องการของพนักงาน เพื่อส่งเสริมการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น

การทำงานร่วมกัน”
“ความยืดหยุ่นและการปรับตัว”
“เสริมสร้างประสบการณ์การทำงานที่เป็นรายบุคคลมากขึ้น”
“การส่งเสริมนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์”

8. ปัจจัยที่มีผลต่อการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำงาน

จากสถิติข้างต้น 3 ปัจจัยในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ออฟฟิศ 

1. การตอบสนองต่อความคาดหวังของพนักงานที่เปลี่ยนแปลงไปเกี่ยวกับพื้นที่ทำงาน (70%)

2. การปรับพื้นที่ออฟฟิศเพื่อให้ก้าวทันกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี (67%) 

3. การรองรับการทำงานแบบ Hybrid ที่ดียิ่งขึ้น (51%) 

จะเห็นว่า องค์กรให้ความสำคัญกับความต้องการและความคาดหวังของพนักงานเป็นอันดับแรก เพื่อส่งเสริมให้เกิดบรรยากาศการทำงานที่ดี และมีประสิทธิภาพ ยังสามารถรักษาพนักงานให้อยู่กับองค์ได้ในระยะยาวเช่นเดียวกัน

สรุป

จากผลการศึกษาสรุปได้ว่า พนักงานในไทยส่วนใหญ่คาดหวังการทำงานรูปแบบ Hybrid Working โดยมองว่า Office หรือ Working Space ขององค์กรในปัจจุบัน ทั้งในเรื่องของการออกแบบ และจัดสรรพื้นที่ทำงาน รวมถึงเครื่องมือเครื่องใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ ยังไม่สอดคล้องกับความคาดหวังของพนักงานมากนัก 

นั่นเลยเป็นเหตุผลว่า ทำไมหลายองค์กรในไทยเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการติดตั้ง Smart Office Technology โดยมองหาระบบที่ได้มาตรฐาน และฟีเจอร์ที่ง่ายต่อการใช้งาน อย่าง Exzy ผู้นำด้านการออกแบบ และติดตั้งระบบ Smart Office ให้กับองค์กรชั้นนำต่างๆมามากกว่า 350+ บริษัท ที่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องของ Working, Workplace และ Technology เป็นอย่างดี และสามารถตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรได้อย่างตรงจุด ในการส่งเสริม Employee Experience ของพนักงานให้ดียิ่งขึ้น

ติดต่อสอบถามเกี่ยวกับ Smart Office Solution

Add Line: @exzysmartoffice (มี@ นำหน้า) หรือ คลิก! https://lin.ee/YaFtZSE

โทร. 095-919-1963 หรือ อีเมล: contact@exzy.me

Related Posts